1.กองทัพไทย
กองทัพไทย (Royal Thai Armed Forces) คือ กองทัพของราชอาณาจักรไทยทั้งหมด โดยสามารถแบ่งกองทัพออกเป็น 3 เหล่าทัพ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ
2.หน้าที่ของกองทัพไทย
กองทัพไทย มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ปี พ.ศ.2551 ในมาตรา 15 บัญญัติว่าเอาไว้ “กองทัพไทย มีหน้าที่ เตรียมกำลังกองทัพไทย การป้องกันราชอาณาจักร และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังทหาร ตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บังคับบัญชา รับผิดชอบ” กับในมาตรา 17 บัญญัติไว้ให้ กองทัพไทย มีโครงสร้างการจัดดังนี้
- กองบัญชาการกองทัพไทย
- กองทัพบก
- กองทัพเรือ
- กองทัพอากาศ
- ส่วนราชการอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
3.ประวัติ กองทัพไทย
กองบัญชาการทหารสูงสุดนั้น ได้ถูกจัดตั้งขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยในครั้งแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2483 ด้วยเหตุการพิพาทในอินโดจีน – ฝรั่งเศษ และในครั้งถัดมาจากการที่ไทยเข้าร่วมสงครามมหาเอเชียบรูพา เพื่อช่วยในการทำหน้าที่ด้านบัญชาการรบ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2503 ทางราชการได้เห็นถึงความจำเป็ฯในการจัดตั้งกองบัญชาการทหารสูงสุดเป็นการถาวรขั้น เพื่อทำหน้าที่ในการเตรียมกำลังรบและป้องกันประเทศ จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงกรมเสนาธิการกลาโหมเป็นกองบัญชาการทหารสูงสุด และยังทำการปรับปรุงและเพิ่มหน่วยงานต่างๆขึ้น เพื่อให้สามารถดำเริรงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พุทธศุกราช 2503
โดยในปี พ.ศ. 2551 ได้มีการจัดการส่วนราชการในกระทรวงกลาโหมใหม่ ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พุทธศักราช 2551 ถูกประกาศใช้เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2551 ตามมาครา 17 ของพระราชบัญญัติฉบับนี้ ทำให้กองบัญชาการทหารสูงสุดได้ถูกแปรสภาพเป็ฯกองบัญชาการกองทัพไทย โดยกระทรวงกลสโหมมีหน้าที่ควบคุม อำนวยการ สั่งการ และกำกับดูแลการดำเนินงานของส่วนราชการในกองทัพไทย ในการจัดเตรียมกำลัง การป้องกันราชอาณาจักรไทย และคอยดำเนินการทั้งหมดเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม ให้ได้ประสทิธิภาพสูงสุด โดยจะมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบ
4.หน่วยงานของกองทัพไทย
- กระทรวงกลาโหม
- กองบัญชาการกองทัพไทย
- กองทัพบก
- กองทัพเรือ
- กองทัพอากาศ
- ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพไทย (ผู้บัญชาการทหารสูงสุดดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพไทย)
5.ภารกิจ ของกองทัพไทย
ภารกิจ ของกองทัพไทย คือ การรับผิดชอบการวางแผน พัฒนาและดำเนินการเกี่ยวกับระบบควบคุมบังคับบัญชากองทัพไทย ให้สามารถติดต่อเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งในระดับรัฐบาล ระดับกระทรวง และหน่วยงานในกระทรวงกลาโหมตลอดจนแบ่งมอบความรับผิดชอบในการดำเนินการให้กับกองทัพ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
6.พันธกิจ ของกองทัพไทย
- ปกป้อง เทิดทูร พิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์และส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- อำนวยการการปฏิบัติการร่วมของทุกเหล่าทัพ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันประเทศจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ
- สนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติการพัฒนาประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน
- คุ้มครอง และพิทักษ์รักษาผลประโยชน์แห่งชาติ
- เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อบ้านกลุ่มประเทศอาเซียนมิตรประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ
- สนับสนุนการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศโดยยึดหลักมนุษยธรรมและสันติวิธี
- ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพภายใต้กรอบของสหประชาชาติเพื่อธำรงเกียรติและศักดิ์ศรีในประชาคมโลก
7.อำนาจหน้าที่ ของกองทัพไทย
อำนาจหน้าที่ ของกองบัญชาการกองทัพไทย คือ การมีหน้าที่ควบคุมอำนวยการ สั่งการและกำกับดูแลการดำเนินงาน ของส่วนราชการในกองทัพไทย ในการเตรียมกำลังการป้องกันราชอาณาจักรไทย และการดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
8.ค่านิยม ของกองทัพไทย
- ความจงรักภักดีและการปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด
- การปฏิบัติการร่วม
- การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
- ความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติงานและสังคม
- การสร้างความเชื่อถือศรัทธา
9.ค่านิยมหลัก ของกองทัพไทย
- ความเป็นทหารอาชีพ
- ความจงรักภักดี
- ความกล้าหาญ
- การทำงานเป็นทีม
10.ส่วนบังคับบัญชา ของกองทัพไทย
- สำนักกองบัญชาการ กองบัญชาการกองทัพไทย
- สำนักเลขานุการ กองบัญชาการกองทัพไทย
- สำนักงานจเรทหาร
- สำนักงานตรวจสอบภายในทหาร
- สำนักงานพระธรรมนูญทหาร
- สำนักสวัสดิการทหาร
- สำนักยุทธโยธาทหาร
- ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง
- ศูนย์ไซเบอร์ทหาร
11.ส่วนเสนาธิการร่วม ของกองทัพไทย
- กรมกำลังพลทหาร
- กรมข่าวทหาร
- กรมยุทธการทหาร
- กรมส่งกำลังบำรุงทหาร
- กรมกิจการพลเรือนทหาร
- กรมการสื่อสารทหาร
- ศูนย์การโทรคมนาคมทหาร
- ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศทหาร
- สำนักแผนและอำนวยการสื่อสาร
- กองฝึกอบรมกรมการสื่อสารทหาร
- สำนักงานปลัดบัญชีทหาร
12.ส่วนปฏิบัติการ ของกองทัพไทย
- หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา
- ศูนย์รักษาความปลอดภัย
- ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล
13.ส่วนการศึกษา ของกองทัพไทย
- สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ
- วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
- วิทยาลัยเสนาธิการทหาร
- ศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์
- สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
- โรงเรียนเตรียมทหาร
- โรงเรียนช่างฝึมือทหาร
14.ส่วนกิจการพิเศษ ของกองทัพไทย
- กรมสารบรรณทหาร
- กรมการเงินทหาร
- กรมแผนที่ทหาร
- กรมยุทธบริการทหาร
- สำนักงานแพทย์ทหาร
- กรมกิจการชายแดนทหาร
15.ผู้บริหาร กองทัพไทย
- ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
- พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี
- รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (1)
- พลเอก ชัยชนะ นาคเกิด
- รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (2)
- พลเอก ชูชาติ บัวขาว
- รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (3)
- พลเรือเอก พัชระ พุ่มพิเชฎฐ์
- รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (4)
- พลอากาศเอก วันชัย นุชเกษม
16.เครื่องหมายราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย
เครื่องหมายราชการ กองบัญชาการกองทัพไทย จะเป็นรูปจักมีสมอขัดในจักร โดยด้านซ้ายขวามีรูปปีกนกกาง และล้อมรอบทั้งหมดนี้ด้วยช่อชัยพฤกษ์ ซึ่งตัวเครื่องหมายในแต่ละส่วนนั้นมีความหมายดังนี้
- จักร : เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพบก
- สมอ : เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือ
- ปีกนกกาง : เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพอากาศ
- ช่อชัยพฤกษ์ : แสดงความหมายว่า กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยรวมการบังคับบัญชา อำนวยการและประสานกิจการของกองทัพทั้งสามไม่จำกัดขนาดและสี
17.กองทัพไทย เปิดรับสมัครสอบเมื่อไหร่
กองบัญชาการกองทัพไทยนั้นจะเปิดรับสมัครเข้ากองทัพทุกๆปี โดยการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือนเพื่อบรรจุเข้ารับราชการในกองบัญชาการกองทัพไทย จะอยู่ในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. สามารถติดตามข่าวสารการรับสมัครทหารได้ที่ https://nine100.com/category/soldier/military-recruitment/
18.คุณสมบัติสมัครเข้า กองทัพไทย
คุณสมบัติสมัครเข้า กองทัพไทย มีดังต่อไปนี้
- เป็นบุคคลพลเรือนชายหรือหญิง นายทหารประทวน ทหารกองหนุน ลูกจ้าง พลอาสาสมัครหรือพนักงานราชการ โดยมีเกณฑ์อายุดังนี้
- ผู้สมัครสอบตําแหน่งนายทหารสัญญาบัตร จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 35 ปี
- ผู้สมัครสอบต่ำแหน่งนายทหารประทวน จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี บริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 30 ปี
- ไม่เป็นผู้เข้ารับการตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองประจําการ หรือผู้ที่ขอผ่อนผัน เข้ารับการคัดเลือกเป็นทหารกองประจําการในปีที่สมัครสอบ
- ไม่เป็นผู้ที่อยู่ในระหว่างรับราชการเป็นทหารกองประจําการ (ทหารเกณฑ์)
- เป็นผู้มีวุฒิทางการศึกษา/สาขาวิชา เพศ คุณลักษณะเฉพาะ และคุณสมบัติอื่นๆ ตามที่ทางราชการกําหนดไว้ ในตําแหน่งที่จะสมัครสอบ
- มีสัญชาติไทยโดยการเกิดตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ
- มีอวัยวะ รูปร่าง ลักษณะท่าทาง ขนาดของร่างกายเหมาะสมแก่การเป็นทหารและ ไม่เป็นโรคตามที่กําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
- ผู้สมัครสอบเพศชาย จะต้องมีความสูงไม่น้อยกว่า 155 ซม. และผู้สมัครสอบ เพศหญิงจะต้องมีความสูงไม่น้อยกว่า 150 ซม. มีดัชนีความหนาของร่างกาย (Body Mass Index) ไม่เกิน 30 กก./ตรม. ไม่เป็นโรคเท้าแบน และไม่มีลักษณะตาบอดสี
- ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรม ไม่เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือเป็นบุคคลล้มละลาย ตามคําพิพากษาของศาล
- ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างเป็นจําเลยในคดีอาญา และไม่เคยต้องคําพิพากษาโทษจําคุก เว้นแต่ความผิดฐานลหุโทษ หรือความผิดอันเป็นการกระทําโดยประมาท
- ไม่อยู่ในระหว่างพักราชการหรือสํารองราชการเนื่องจากความผิด หรือหนีราชการ
- ไม่เป็นผู้เคยถูกปลดเพราะความผิด หรือถูกไล่ออกจากราชการ
- ไม่เป็นผู้เสพยาเสพติด หรือสารเคมีเสพติดให้โทษ
- ไม่เป็นผู้ที่มีรอยสักบนร่างกายที่เห็นเด่นชัด
- ไม่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์
- สําหรับนายทหารประทวน ลูกจ้าง พลอาสาสมัคร หรือพนักงานราชการในสังกัด ของส่วนราชการกระทรวงกลาโหม ที่สมัครสอบจะต้องมีหนังสือรับรองความประพฤติ และได้รับอนุญาตจาก หน่วยต้นสังกัดในระดับกองพันหรือเทียบเท่าขึ้นไป
- พระภิกษุหรือสามเณร ทางกองบัญชาการกองทัพไทยไม่รับสมัครสอบ และไม่อาจ ให้เข้าสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุเข้ารับราชการได้
19.การเกณฑ์ทหาร เข้ากองทัพไทย
การเกณฑ์ทหารเข้ากองทัพไทย เป็น กฎหมายตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 โดยกำหนดหน้าที่นี้ให้เฉพาะเพศชายที่มีสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมายมีหน้าที่ต้องเข้ารับราชการทหารด้วยตนเองทุกคน
ชายไทยทุกคนต้องไปแสดงตัวตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกิน ในช่วงอายุย่างเข้า 18 ปี และจะมีสภาพเป็นทหารกองเกิน หลังจากนั้นกองทัพจะทำการเรียกเกณฑ์ทหารกองเกินชายในช่วงอายุย่างเข้า 21 ปี จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจเลือกเข้ากองประจำการ โดยมีวิธีจำแนกออกเป็นสี่จำพวกตามความสมบูรณ์ของร่างกายบุคคลนั้นๆ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์มีผู้ประงสงค์สมัครเข้ากองประจำการจนเต็มแล้วนั้น ก็จะไม่มีการจับสลากเกิดขึ้น แต่หากยังมีผู้สมัครเข้าไม่พอ และมีผู้คนให้เลือกมากกว่าจำนวนที่ต้องการ ก็จะใช้วิธีจับสลาก ใบดำ-ใบแดง แทน โดยผู้ที่จับได้ใบแดงก็จะต้องเข้าเป็นทหารกองประจำการ
20.ติดต่อ กองทัพไทย
- กองบัญชาการกองทัพไทยตั้งอยู่ที่ 127 ซอย แจ้งวัฒนะ 7 ถนน แจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
- โทรศัพท์ 0-2572-1234 ,0-2572-1227
- หมายเลขโทรสาร 0-2572-1520
- ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) : [email protected]