สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง คือ
สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง คือ สถานวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย โดยจะมีภารกิจในการประศาสน์วิทยาการทางด้านสังคมจิตวิทยา สงครามการเมือง การปฏิบัติการข่าวสาร แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน พนักงานองค์กรรัฐ และบุคลากรอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย โดยจะมีผู้อำนวยการสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ประวัติ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
กองบัญชาการทหารสูงสุด (กรมเสนาธิการกลาโหมในขณะนั้น) ได้ริเริ่มจัดตั้งโรงเรียนสงครามจิตวิทยา เพื่อทำการเปิดการศึกษาอบรมให้กับนายทหารผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานด้านนี้โดยเฉพาะขึ้นเป็นรุ่นแรก (รุ่นพิเศษ) เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2498 และถูกสิ้นสุดลงในวันที่ 27 พฤษภาคม 2498 โดยใช้เวลาศึกษาอบรมรวม 23 วัน ซึ่งมีความมุ่งหมายที่จะให้นายทหารที่จบการศึกษาไปแล้ว สามารถเตรียมการจัดตั้งหน่วยรับผิดชอบดำเนินงานด้านนี้ได้โดยตรง จึงกำหนดให้วันเปิดการศึกษาครั้งแรกของหลักสูตร คือวันที่ 4 พฤษภาคม 2498 เป็นวันสถาปนาหน่วยนั่นเอง
หลังจากนั้นการปฏิบัติการจิตวิทยา ได้มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการปฏิบัติการของฝ่ายเราและฝ่ายตรงข้ามที่ต่างก็ใช้การปฏิบัติการจิตวิทยาอย่างกว้างขวางและได้ผลมาโดยลำดับ จึงจำเป็นที่จะต้องให้ข้าราชการระดับบริหารที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานทางด้านนี้เข้ารับการศึกษาอบรมให้มีความรู้ความเข้าใจ และเพื่อให้มีขีดความสามารถในการตอบโต้และปฏิบัติการจิตวิทยาในเชิงรุกแก่ฝ่ายตรงข้าม แต่เนื่องจากทางโรงเรียนสงครามจิตวิทยาไม่สามารถตอบสนองความต้องการของทางราชการได้อย่างเต็มที่เพราะการดำเนินงานกระทำได้ภายในขอบเขตจำกัด ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับวิวัฒนาการด้านวิชาการ และความต้องการของสถานการณ์ในปัจจุบันขณะนั้นทางราชการจึงได้พิจารณาจัดตั้ง “สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง” ขึ้นแทนโรงเรียนสงครามจิตวิทยา โดยถูกกำหนดให้เป็นสถาบันการศึกษาที่ขึ้นตรงต่อกรมยุทธการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2521
เมื่อในปี พ.ศ. 2525 ได้มีคำสั่งจากกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 185/25 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2525 และคำสั่งกองบัญชาการทหารสูงสุด (เฉพาะ) ที่ 71/2526 ลงวันที่ 19 มกราคม 2526 ให้มอบการบังคับบัญชา สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง กรมยุทธการทหาร ขึ้นกับ สำนักงานสารนิเทศ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการทหารสูงสุด โดยจะมีพิธีส่งและรับมอบการบังคับบัญชาขึ้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2526 ดังนั้นสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงจึงเป็นหน่วยขึ้นตรงต่อ สำนักงานสารนิเทศ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการทหารสูงสุด นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในวันที่ 29 สิงหาคม 2533 ได้มีพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการ กำหนดหน้าที่ของส่วนราชการ กองบัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2533 และคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 55/34 เรื่องแก้ไขอัตรากองบัญชาการทหารสูงสุด ให้สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สำนักงานสารนิเทศ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการทหารสูงสุด ให้ขึ้นการบังคับบัญชากับสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2534
หลังจากได้ใช้หลักสูตรการปฏิบัติการจิตวิทยาฝ่ายอำนวยการมานาน ได้ถูกมีการปรับปรุงเนื้อหาวิชามาอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2555 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้อนุมัติให้เปลี่ยนชื่อหลักสูตรเป็นหลักสูตรจิตวิทยาความมั่นคง โดยมีการฝึกอบรมปีละ 1 รุ่น ระยะเวลา 22 สัปดาห์ และยังเพิ่มเติมเนื้อหาวิชาการปฏิบัติการข่าวสารในหลักสูตรและมีการฝึกร่วมกับวิทยาลัยเสนาธิการทหาร เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจในแนวคิดและสามารถกำหนดแนวทางการการปฏิบัติการข่าวสารได้ โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องการปฏิบัติการจิตวิทยาและการประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้สถาบันจิตวิทยาความมั่นคงมีความมุ่งหวังให้นักศึกษาสามารถนำแนวทาง ตามหลักสูตรไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลก่อให้เกิดความมั่นคง และประโยชน์ต่อประเทศไทยให้มากที่สุด
ภารกิจ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย มีภารกิจในการประศาสน์วิทยาการทางด้านสังคม จิตวิทยา สงครามการเมือง การปฏิบัติการข่าวสาร แก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนพนักงานองค์กรรัฐ และบุคลากรอื่นตามที่ได้รับมอบหมาย ศึกษาวิจัยและพัฒนาหลักนิยมด้านสังคม จิตวิทยา สงครามการเมือง การปฏิบัติการข่าวสาร ให้เป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีผู้อำนวยการสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ
ขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่สำคัญ
- พิจารณาเสนอแนะนโยบาย แผนและโครงการเกี่ยวกับการสังคม จิตวิทยา สงครามการเมือง การปฏิบัติการข่าวสารที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ
- ให้การศึกษาอบรมด้านสังคม จิตวิทยา การปฏิบัติการข่าวสารแก่ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน รัฐวิสาหกิจ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชนและบุคคลอื่น ตามนโยบายที่ได้รับ
- ดำเนินการฝึกอบรมและพัฒนาสัมพันธ์ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
- ฝึกอบรมพัฒนาสัมพันธ์ระดับสูงให้กับผู้บริหารจากทุกภาคส่วน
- ดำเนินการวิจัยและพัฒนาด้านการศึกษาที่เกี่ยวกับสังคม จิตวิทยา การปฏิบัติการข่าวสาร ประเมินผลการศึกษา จัดทำสถิติ ทะเบียนประวัติ รายงานผลการศึกษา รายงานเอกสารศึกษาเป็นคณะและงานด้านสารสนเทศ
- ดำเนินการส่งเสริมให้มีความร่วมมือและประสานการปฏิบัติทางด้านวิชาการปฏิบัติการข่าวสาร โดยเฉพาะการปฏิบัติการจิตวิทยาและการประชาสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง
- ดำเนินงานเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษาให้เป็นไปตามแนวทางการศึกษา
สัญลักษณ์ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
สัญลักษณ์สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง คือเข็มจิตวิทยาความมั่นคง มีลักษณะเป็นรูปโล่ซ้อนทับบนคบเพลิง พื้นโล่จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วยสีดำ สีเทาและสีขาว โดยเป็นรูปจักรมีสมอขัดในจักรด้านซ้ายขวามีรูปปีกนกกางล้อมรอบทั้งหมดนี้ด้วยช่อชัยพฤกษ์ ซ้อนทับตรงกลางโล่ และยังมีแพรแถบสีทองเป็นแผ่นครึ่งวงกลมมีตัวอักษรบาลีเขียนไว้ว่า “สจฺเจนาลิกวาทินํ”
ความหมายของส่วนประกอบแต่ละส่วนมีดังนี้
- คบเพลิง หมายถึง ความรู้ ความรุ่งเรือง เจริญก้าวหน้า
- รูปโล่ หมายถึง เกราะป้องกันอันตราย
- สีดำ หมายถึง แหล่งของการโฆษณาชวนเชื่อที่ปกปิด
- สีเทา หมายถึง แหล่งของการโฆษณาชวนเชื่อที่คลุมเครือ
- สีขาว หมายถึง แหล่งของการโฆษณาชวนเชื่อที่เปิดเผย
- จักร หมายถึง เป็นสัญญาลักษณ์ของกองทัพบก
- สมอ หมายถึง เป็นสัญญาลักษณ์ของกองทัพเรือ
- ปีกนกกาง หมายถึง เป็นสัญญาลักษณ์ของกองทัพอากาศ
- ช่อชัยพฤกษ์ หมายถึง กองบัญชาการกองทัพไทยเป็นหน่วยรวมการบังคับบัญชา อำนวยการและประสานกิจการของกองทัพทั้งสาม
- อักษรคำบาลี สจฺเจนาลิกวาทินํ พึงชนะคนพูดปดด้วยคำจริง
คำขวัญ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
“สจฺเจนาลิกวาทินํ” พึงชนะคนพูดปดด้วยคำจริง
ปรัชญา สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
การปฏิบัติการจิตวิทยา นำพาสู่ความมั่นคงของชาติ
วิสัยทัศน์ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
เป็นองค์กรชั้นนำ ในการประศาสน์วิทยาการ มุ่งสู่ความเป็นเลิศ ด้านการปฏิบัติการข่าวสาร เพื่อความมั่นคงของชาติ
ปณิธาน สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
มุ่งผลิตนักปฏิบัติการข่าวสาร ให้มีความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงของชาติ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนกองการศึกษา สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
กองการศึกษา มีหน้าที่เตรียมการและดำเนินการจัดการศึกษาหลักสูตรของสถาบัน ประเมินผลและรายงานผลการศึกษา แบ่งส่วนราชการออกเป็น
- แผนกแผนการศึกษา มีหน้าที่เสนอแนะนโยบาย วางแผนโครงการ แผนการฝึก แผนการศึกษาอบรม การศึกษาดูงานภายในประเทศและต่างประเทศ
- แผนกเตรียมการ มีหน้าที่ด้านงานธุรการต่างๆ เตรียมการดำเนินกรรมวิธี และดำเนินการเกี่ยวกับการเปิด – ปิดการศึกษา เป็นที่ปรึกษาและประสานงานการปฏิบัติในกิจกรรมของนักศึกษา
- แผนกประเมินผล มีหน้าที่จัดทำสถิติ ทะเบียนประวัติของนักศึกษาในหลักสูตรของสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง ติดต่อประสานงานวิทยากรผู้บรรยาย รายงานผลการศึกษาเป็นส่วนรวม ประเมินผลนักศึกษาหลังจบการศึกษาไปแล้ว ประเมินผลหลักสูตร ประเมินอาจารย์
ส่วนกองวิทยาการ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
กองวิทยาการ มีหน้าที่ดำเนินการวิจัยและพัฒนาหลักนิยมการปฏิบัติการข่าวสาร สังคมจิตวิทยาและสงครามการเมือง ส่งเสริมให้มีความร่วมมือและประสานการปฏิบัติการด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ การเผยแพร่วิทยาการของหน่วย แบ่งส่วนราชการออกเป็น
- แผนกวิจัยและพัฒนาหลักนิยม มีหน้าที่วิจัยและพัฒนาหลักนิยม กำหนดหลักสูตรการศึกษา ในเรื่องการปฏิบัติการข่าวสาร สังคมจิตวิทยาและสงครามการเมือง และอื่นๆตามผู้บังคับบัญชามอบหมาย
- แผนกเอกสารศึกษาและสารสนเทศ มีหน้าที่ดำเนินการด้านเอกสารศึกษา จัดเก็บรักษา เผยแพร่ รวมทั้งวิเคราะห์พัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการประชาสัมพันธ์
ส่วนกองสนับสนุน สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
กองสนับสนุน มีหน้าที่ในการธุรการ การสารบรรณ การกำลังพล การสถิติและทะเบียนประวัติการบริการและสนับสนุน การรักษาความปลอดภัย
คุณสมบัติของผู้เข้ารับการศึกษา หลักสูตรจิตวิทยาความมั่นคง
คุณสมบัติของผู้เข้ารับการศึกษา หลักสูตรจิตวิทยาความมั่นคง จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- คุณสมบัติทั่วไป
- ไม่ติดราชการจำเป็นหรือได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่อื่นใด โดยเฉพาะการเดินทางไปราชการทั้งในประเทศและต่างประเทศในระหว่างการศึกษาหลักสูตรจิตวิทยาความมั่นคง
- ไม่อยู่ในระหว่างการศึกษา/อบรมในสถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และ/หรือทำกิจกรรมในหลักสูตรจิตวิทยาความมั่นคง
- มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่เป็นโรคที่ขัดต่อการศึกษา
- สำหรับสุภาพสตรีต้องไม่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์
- มีความรู้ภาษาอังกฤษดี
- ได้รับความไว้วางใจเข้าถึงเอกสารชั้นความลับ “ลับมาก”
- คุณสมบัติเฉพาะ จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
- นายทหารชั้นสัญญาบัตร-
- อายุไม่เกิน 54 ปีบริบูรณ์นับถึงปีเข้ารับการศึกษา
- มีชั้นยศตั้งแต่ พ.ท., น.ท., ขึ้นไป สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
- หรือสำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการจากโรงเรียนเสนาธิการเหล่าทัพ หรือเทียบเท่า หรือปฏิบัติหน้าที่ ในกองฝ่ายอำนวยการ หรือบุคคลที่หน่วยมีแผนบรรจุให้ปฏิบัติหน้าที่ด้านการปฏิบัติการข่าวสาร
- นายตำรวจชั้นสัญญาบัตร
- อายุไม่เกิน 54 ปีบริบูรณ์นับถึงปีเข้ารับการศึกษา
- ต้องมีชั้นยศ พ.ต.อ.ขึ้นไป สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจากสถาบันการศึกษาของทหาร หรือพลเรือนทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือสำเร็จการศึกษาหลักสูตรเสนาธิการ จากโรงเรียนเสนาธิการเหล่าทัพ หรือหลักสูตรผู้กำกับ
- ข้าราชการพลเรือน หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- อายุไม่เกิน 54 ปีบริบูรณ์นับถึงปีเข้ารับการศึกษา
- ข้าราชการ ระดับชำนาญการพิเศษ (ระดับ 8 เดิม) หรือเทียบเท่าขึ้นไป
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่าขึ้นไป
- ทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไปที่เกี่ยวกับประชาชน และสื่อมวลชน หรืองานด้านฝ่ายอำนวยการอื่น ๆ
- ภาคเอกชน
- ผู้ที่องค์กรเอกชนตามกฎหมายหรือองค์กรเอกชนซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วไป ได้คัดสรรตามกฎเกณฑ์ที่องค์กร นั้นได้วางไว้แล้วเสนอชื่อมา
- สำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาตรี หรือเทียบเท่าขึ้นไป
- อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 54 ปีนับถึงปีเข้ารับการศึกษา
- เป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน ซึ่งมีประสบการณ์ด้านการจัดการและบริหารองค์กร
- ประกอบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและมีสถานภาพมั่นคง
- มีจิตสาธารณะสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์และสังคม
- มีจรรยาบรรณในการประกอบกิจการ ไม่เคยประพฤติเสียหายทางด้านธุรกิจ ด้านสังคม กฎหมาย
- เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- นายทหารชั้นสัญญาบัตร-
การกรอกข้อมูลสมัคร สวจ. สำหรับข้าราชการทหาร
การกรอกข้อมูลในการสมัครสำหรับข้าราชทหารการจะมีดังนี้
- กรอกข้อมูลในใบสมัคร
- จัดกระดาษตามรูปแบบที่ถูกต้อง
- ปริ้นเอกสาร ตรวจสอบข้อมูล
- ลงลายมือชื่อ เพื่อรับรองเอกสาร
- สแกนเอกสาร ที่ลงลายมือชื่อแล้ว
ขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์ สำหรับข้าราชการทหาร
- ไฟล์เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการสมัครเข้ารับการศึกษา ดังนี้
- ใบสมัครขอเข้ารับการศึกษาที่ลงลายมือชื่อแล้ว
- สำเนาบัตรประชาชน/บัตรประจำตัวข้าราชการ พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- สำเนาปริญญาบัตร หรือ สำเนาใบแสดงผลการศึกษา (Transcript) พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- ไฟล์ภาพถ่ายสี .JPEG ขนาด 480×640 pixels พื้นหลังสีขาว หน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตา ชุดสุภาพ
- ใบรับรองแพทย์ (จากสถานพยาบาลของรัฐ)
- สำเนาทะเบียนรถยนต์(กรณีนำมาจอดในพื้นที่ระหว่างศึกษา)เพื่อทำบัตรผ่านเข้า – ออก พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- เข้าเว็บไซต์ของทางสถาบันและเลือกหลักสูตรที่ต้องการสมัคร
- กดลงทะเบียนออนไลน์
- ทำตามขั้นตอนที่กำหนด
การกรอกข้อมูลสมัคร สวจ. สำหรับภาคเอกชน
การกรอกข้อมูลในการสมัครสำหรับภาคเอกชนการจะมีดังนี้
- การกรอกข้อมูล
- กรอกข้อมูลใน
- ใบสมัคร
- แบบตรวจสอบประวัติบุคคล (รปภ.1)
- หนังสือขอเข้ารับการศึกษา
- หนังสือรับรองและคำรับรอง
- จัดกระดาษตามรูปแบบที่ถูกต้อง
- ปริ้นเอกสารทั้ง 4 ฉบับ ตรวจสอบข้อมูล
- ลงลายมือชื่อ เพื่อรับรองเอกสาร
- สแกนเอกสารทั้ง 4 ฉบับ ที่ลงลายมือชื่อแล้ว แยกเป็น 4 ฉบับ
การกรอกข้อมูลสมัคร สวจ. สำหรับภาคเอกชน
- ไฟล์เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการสมัครเข้ารับการศึกษา ดังนี้
- ใบสมัครขอเข้ารับการศึกษาที่ลงลายมือชื่อแล้ว
- แบบตรวจสอบประวัติบุคคล (รปภ.1)ที่ลงลายมือชื่อแล้ว
- หนังสือขอเข้ารับการศึกษาที่ลงลายมือชื่อแล้ว
- หนังสือรับรองและคำรับรองที่ลงลายมือชื่อแล้ว
- สำเนาบัตรประชาชน/บัตรประจำตัวข้าราชการ พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- สำเนาปริญญาบัตร หรือ สำเนาใบแสดงผลการศึกษา (Transcript) พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- ไฟล์ภาพถ่ายสี .JPEG ขนาด 480×640 pixels พื้นหลังสีขาว หน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตา ชุดสุภาพ
- ใบรับรองแพทย์ (จากสถานพยาบาลของรัฐ)
- สำเนาทะเบียนรถยนต์(กรณีนำมาจอดในพื้นที่ระหว่างศึกษา)เพื่อทำบัตรผ่านเข้า – ออก พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- สำเนาหนังสือจดทะเบียน บริษัท พร้อม ลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- เข้าเว็บไซต์ของทางสถาบันและเลือกหลักสูตรที่ต้องการสมัคร
- กดลงทะเบียนออนไลน์
- ทำตามขั้นตอนที่กำหนด
การกรอกข้อมูลสมัคร สวจ. สำหรับข้าราชการพลเรือน
การกรอกข้อมูลในการสมัครสำหรับข้าราชการพลเรือนจะมีดังนี้
- กรอกข้อมูลใน
- ใบสมัคร
- หนังสือขอเข้ารับการศึกษา
- จัดกระดาษตามรูปแบบที่ถูกต้อง
- ปริ้นเอกสารทั้ง 2 ฉบับ ตรวจสอบข้อมูล
- ลงลายมือชื่อ เพื่อรับรองเอกสาร
- สแกนเอกสารทั้ง 2 ฉบับ ที่ลงลายมือชื่อแล้ว แยกเป็น 2 ฉบับ
ขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์ สำหรับข้าราชการพลเรือน
- ไฟล์เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการสมัครเข้ารับการศึกษา ดังนี้
- ใบสมัครขอเข้ารับการศึกษาที่ลงลายมือชื่อแล้ว
- หนังสือขอเข้ารับการศึกษาที่ลงลายมือชื่อแล้ว
- สำเนาบัตรประชาชน/บัตรประจำตัวข้าราชการ พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- สำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- สำเนาปริญญาบัตร หรือ สำเนาใบแสดงผลการศึกษา (Transcript) พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- ไฟล์ภาพถ่ายสี .JPEG ขนาด 480×640 pixels พื้นหลังสีขาว หน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตา ชุดสุภาพ
- ใบรับรองแพทย์ (จากสถานพยาบาลของรัฐ)
- สำเนาทะเบียนรถยนต์(กรณีนำมาจอดในพื้นที่ระหว่างศึกษา)เพื่อทำบัตรผ่านเข้า – ออก พร้อมลงลายมือชื่อสำเนาถูกต้อง
- เข้าเว็บไซต์ของทางสถาบันและเลือกหลักสูตรที่ต้องการสมัคร
- กดลงทะเบียนออนไลน์
- ทำตามขั้นตอนที่กำหนด
ติดต่อ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง
ติดต่อสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงได้ที่ 62 อาคารสถาบันจิตวิทยาความมั่นคง ในบริเวณสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
- โทร 02-276-4635
- จดหมาย [email protected]